Custom Search

Search This Blog

Thursday, July 23, 2009

สมุนไพรบรรเทาไข้หวัดใหญ่

สมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดใหญ่ ( ข้อมูลจากเภสัชกรของรพ.อภัยภูเบศร์ )

1. ฟ้าทะลายโจร :
มีคุณสมบัติช่วยให้เชื้อโรคเกาะเซลล์ได้น้อยลง
ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
มีฤทธิ์ในการยับยั้งการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ

2. ขิง :
ทำให้เชื้อโรคลดจำนวนลงได้เร็วขึ้น ( ขิงมีฤทธิ์ร้อน )

3. โป๊ยกั๋ก :
มีสารสำคัญที่เป็นสารตั้งต้นของยาต้านไวรัส ( ยาทามิฟู )
อาหารที่มีโป๊ยกั้ก เช่น ก๊วยจั้บน้ำข้น , พะโล้ต่างๆ
4. กระเทียม :
ได้ทั้งกระเทียมสดและกระเทียมดอง

5.สาระแหน่


การป้องกันร่างกายไว้ก่อน โดยการสร้างภูมิคุ้มกัน

1. นอนให้เพียงพอ : 8 ชม.ต่อวัน
2. ออกกำลังกาย : วันละครึ่งชั่วโมงทุกวัน
3. ล้างมือจากปลายนิ้วถึงข้อศอกด้วยสบู่ : ช่วยได้มาก
4. ทานวิตามินซี และ ผลไม้รสเปรี้ยว
5. เติมคอลลาเจนให้กับเม็ดเลือดขาวบ้าง : เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน

คอลลาเจน คือโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนังของร่างกาย ทำงานร่วมกับอีลาสติน
เมื่ออายุ 20 ปี คอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มสลายไป นอกจากนี้อนุมูลอิสระต่างๆ
จะทำให้จำนวนคอลลาเจนลดลงด้วย

เพิ่มคอลลาเจนให้กับร่างกายโดยรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระต่าง :
ทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน (สารสีเหลือง) เช่น แครอท มะละกอ
ทานอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ฝรั่ง มะนาว มะขามป้อม
ทานอาหารที่มีวิตามินอี

6. ทานกระเทียมทุกวัน

การติดต่อ

เชื้อโรคที่ติดตามชั้นน้ำมันเคลือบผิวหนังที่ผิวหนังและฝ่ามือ ( นี่คือ เหตุผลว่าถ้าล้างมือด้วยน้ำเปล่
เชื้อโรคจะไม่หลุดจากมือ ต้องล้างด้วยสบู่ซึ่งจะพาเอาสิ่งสกปรกในชั้นน้ำมันเคลือบผิวหนังรวมทั้ง
เชื้อโรคออกไปกับน้ำด้วย ) หลังจากเราเอามือไปจับลูกบิดประตู ขึ้นรถเมล์ เปิดประตูตามห้าง

เมื่อเอามือไปขยี้ตา แคะจมูก จับหน้าตัว หรือผิวหน้าคนอื่น เช่น เด็ก ๆ จะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่
ร่างกายได้ทางตา จมูก ปาก ซึ่งหนทางเข้าสู่ร่างกายของเชื้อโรคนี้ เข้าได้ง่ายกว่าการได้รับ
จากการหายใจด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้น ล้างมือบ่อยๆ ถึงข้อศอก จะช่วยได้


อาหารแนะนำในช่วงนี้

แกงเลียง แกงส้ม ต้มยำ ยำปลาทู เพราะมีสมุนไพรมาก ทั้งขิง หอมแดง กระเทียม

ก๊วยจั๊บน้ำข้น ไข่พะโล้ ก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารที่ใส่โป๊ยกั๊กอื่นๆ

น้ำขิง น้ำตะไคร้ น้ำเห็ดหลินจือ


รวบรวมข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ

อย่าลืม " กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัย "

Friday, July 10, 2009

แก้อาการสะอึก และตะคริวด้วยตนเอง

15 นาทีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

15 นาทีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

การดูแลสุขภาพอาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อและยุ่งยาก แต่ที่จริงช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ แค่ 5 -15 นาที ก็ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นได้แบบง่ายๆ เป็นของขวัญวันต้นปีที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเอง โดยแบ่งเวลาก่อนหรือหลังกิจกรรมที่คุณทำอยู่แล้วประจำวัน แล้วเพิ่มรายละเอียดที่เราแนะนำเข้าไปอีกนิด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ

Health & Exercise

  • ดื่มน้ำ 1 นาที ตอนตื่นนอน เมื่อตื่นนอนแล้วควรดื่มน้ำ1-2 แก้ว เพื่อกระตุ้นการทำงานของอวัยวะ และระบบขับถ่าย ทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น หากกลัวลืมให้วางขวดและแก้วน้ำไว้ที่หัวเตียงก่อนนอน เพื่อที่จะดื่มได้ทันทีที่ตื่นขึ้น
  • หัวเราะ 15 นาที ก่อนอาหารเย็น ผลัดกันเล่าเรื่องตลกกับคนในครอบครัวคนละ 1 เรื่องทุกวัน และหัวเราะเต็มเสียงให้ลมผ่านปาก ลำคอ ปอด กระเพาะ ลำไส้ใหญ่ - เล็ก จนรู้สึกว่าอวัยวะทุกส่วนเคลื่อนไหว หรือจนรู้สึกเกร็งหน้าท้อง เพื่อให้ร่างกายได้ออกซิเจนมากขึ้น ฟอกปอด ป้องกันการเวียนหัว อ่อนเพลีย แถมยังเพิ่มความผูกพันในครอบครัวให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย
  • เดินเพิ่มขึ้น 15 นาที ก่อนเริ่มงาน เปลี่ยนจากใช้ลิฟท์เป็นเดินขึ้น-ลงบันไดแทน หรือขยับไปจอดรถไกลขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้เดินไกลขึ้น โดยเดินให้เร็วขึ้นกว่าปกติ และเพิ่มระยะทางการเดินขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน หากมีเวลาอาจไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ นอกจากได้ออกกำลังกายแล้ว ยังได้รับอากาศบริสุทธิ์ด้วย วิธีนี้เหมาะสำหรับคนทำงานที่ต้องนั่งโต๊ะทั้งวันจะช่วยให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวและออกแรงบ้าง
  • กะพริบตาทุก 15 นาที เมื่ออยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ กะพริบตาเพิ่มขึ้น 1-2 ครั้ง ทุก 15 นาที และเมื่อเลิกใช้คอมพิวเตอร์ให้กระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำหล่อเลี้ยงมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ยิ่งจำเป็นเพราะจะช่วยให้ตาไม่แห้งเกินไป
  • ล้างมือ 1 นาที ก่อนเข้าห้องน้ำ มีงานวิจัยพบว่าคนเข้าห้องน้ำโดยไม่ล้างมือมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกมากว่าคนที่ล้างมือก่อนเข้าห้องน้ำ แม้ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน แต่การล้างมือก่อนเข้าห้องน้ำก็ช่วยให้มือคุณสะอาดจากเชื้อโรคหากต้องสัมผัสกับจุดซ่อนเร้นและไม่ก่อโรคให้ตัวเองแบบไม่ตั้งใจ ที่สำคัญออกจากห้องน้ำแล้วอย่าลืมล้างมืออีกครั้ง
  • หยุดกิน 5 นาที ก่อนอิ่มจริง ทุกครั้งเวลากินอาหารมื้อหลัก ให้หยุดกินก่อนอิ่มจริง 5 นาที และควรกินอาหารแค่ "เกือบอิ่ม" เท่านั้น กระเพาะอาหารจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป
  • ทำความสะอาดฟัน 10 นาที หลังอาหาร สุขภาพฟันสำคัญมากกว่าที่คิด ดังนั้นควรทำความสะอาดฟันทุกครั้งหลังกินอาหาร โดยเตรียมอุปกรณ์ติดไว้ที่ทำงานเสมอ เช่นแปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน หากไม่สะดวกแค่บ้วนปากก็ยังดี
  • ดื่มน้ำ 1 นาที หลังอาหาร 1 ชั่วโมง หากทำงานในห้องแอร์ ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6 -8 แก้ว เพราะอากาศแห้งร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ทำให้ผิวแห้งไม่สดใส เป็นตะคริวและรู้สึกอ่อนเพลีย โดยดื่มชั่วโมงละ 1 แก้ว แต่ไม่ควรดื่มน้ำมากๆ ก่อนและหลังมื้ออาหารทันที เพราะน้ำจะไปลดประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหาร ควรดื่มน้ำหลังมื้ออาหารไปแล้ว 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำย่อยทำงานได้อย่างเต็มที่ และถ้าระหว่างกินอาหารรู้สึกอยากดื่มน้ำ ให้เปลี่ยนเป็นจิบน้ำแทน
  • เดินเล่น 5 นาทีระหว่างรดน้ำต้นไม้ ช่วงเวลาเช้า - เย็นที่แดดไม่จัดเกินไป อย่าลืมออกไปรดน้ำต้นไม้เพื่อรับวิตามินดีจากแสงแดด และออกกำลังกายโดยเดินเท้าเปล่าให้เท้าสัมผัสกับสนามหญ้า และละอองน้ำด้วย จะยิ่งรู้สึกสดชื่นขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสและการทรงตัวของฝ่าเท้าอีกด้วย
  • นอนสมาธิ 10 นาที ก่อนนอน เมื่อกำลังจะเข้านอนทุกคืนให้สวดมนต์และนอนหลับตาทำสมาธิไปเรื่อยๆ สัก 10 นาที หรือจนกว่าจะหลับโดยนอนหงายวางมือบนท้อง กำหนดความรู้สึกไว้ที่การกระเพื่อมขึ้นลงของหน้าท้อง จิตใจจะสงบช่วยให้หลับสบาย และหลับได้ลึกขึ้น

Organize time

  • วางแผน Weekly Planning ทุกคืนวันอาทิตย์ ในแต่ละสัปดาห์ จัดลำดับความสำคัญของงานว่าอะไรที่ต้องทำก่อนหลัง นอกจากจะช่วยให้ชีวิตเป็นระบบมากขึ้น ยังทำให้การทำงานง่ายขึ้น ผลพลอยได้คือคุณมีเวลาเหลือพอที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อีกด้วย
  • นัดหมายงานทุกวันจันทร์ 9.00 น. หากต้องนัดเจรจาธุรกิจควรนัดวันนี้เวลา 9.00 -10.00 น. เพราะหลังอาหารเช้า 1-2 ชั่วโมง สมองของคุณกำลังได้รับอาหารอย่างเต็มที่ แถมยังได้คิดงานมาคร่าวๆ แล้วในช่วงสุดสัปดาห์ จึงมีทั้งกำลังสมองและแผนการดีกว่าวันอื่นๆ ที่สำคัญการนัดหมายในวันเริ่มต้นสัปดาห์จะช่วยให้คุณมีเวลาทำงานนานขึ้นด้วย
  • ดินเนอร์มื้อเย็นวันพุธ และพฤหัสบดี เมื่อต้องออกไปคุยงานต่อตอนเย็นหรือมีนัดดินเนอร์ควรเลือกวันพุธหรือพฤหัสบดี เพราะช่วงวันกลางสัปดาห์ร้านอาหารมักว่าง คุยงานสะดวกขึ้น แล้วถ้าคุณอยากไปเที่ยวต่อคนก็ไม่เยอะเกินไปด้วย
  • จดรายการสินค้า 5 นาที ก่อนไปจ่ายตลาด จดรายการสินค้าที่ต้องการ เพื่อไม่ให้หลงลืมรายการใดๆ และกำหนดว่าต้องมีผัก ผลไม้ตามฤดูกาลที่มีในท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป
  • ออกกำลัง 17.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายตื่นตัวเต็มที่ คุณจึงรู้สึกสนุกและมีแรงเป็นพิเศษ การออกกำลังแค่วันละ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น จะทำให้ร่างกายไม่ตื่นตัวเกินไปและหลับสบายด้วย
  • อย่านอนตื่นสายในวันเสาร์ -อาทิตย์ หากคุณรู้สึกไม่อยากลุกจากเตียงในวันเสาร์แล้วนอนยาวไปเรื่อยๆ จะทำให้ไม่อยากลุกจากที่นอนในวันอาทิตย์และส่งผลยาวมาถึงวันจันทร์ด้วย ดังนั้นอย่ามัวแต่นอนบิดขี้เกียจอยู่เลย ลุกขึ้นมาทำเช้าวันเสาร์ - อาทิตย์ให้สดใสกันดีกว่าค่ะ

เห็นไหมค่ะว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกมองข้ามไป ก็อาจกลายเป็นปราการสุขภาพที่ยิ่งใหญ่ของคุณได้เหมือนกัน

นาฬิการ่างกาย

รู้มั้ย...อวัยวะเรา ก็ต้องตอกบัตรเข้างานนะ


01.00 น. – 03.00 น. เป็นเวลาของตับ

ขอบอกเลยว่า . . . ทุกคนควรนอนหลับพักผ่อนให้เป็นประจำในช่วงเวลานี้ให้ได้ เพราะตับจะหลั่งสาร มีราโทนิน ที่จะทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย เห็นมั้ยละว่าสำคัญแค่ไหน ที่สำคัญห้ามกินเด็ดขาดในเวลานี้เพราะจะทำให้ตับต้องทำงานหนักและเสื่อมเร็ว


03.00 น. – 05.00 น. เป็นเวลาของปอด

สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือ ตื่นนอน ลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ซะหน่อย เขาบอกว่าถ้าตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำจะทำให้ผิวพรรณดี


05.00 น. – 7 .00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่

เพราะฉะนั้นควรขับถ่ายให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าคนไหนมีโรคประจำตัวคือท้องผูกกว่าจะถ่ายแต่ละทียากเย็นเหลือเกิน แนะนำว่าให้ลองดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว น้ำ 1 แก้ว + น้ำผึ้ง 1 ช้อน + น้ำมะนาว 4-5 ลูก


07.00 น. – 09.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะอาหาร

จึงควรกินอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ทุกวัน เพราะถ้าปล่อยให้ท้องว่าง กระเพาะอาหารจะอ่อนแอกลายเป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ที่สำคัญจะหน้าแก่เร็วกว่าไว น่ากลัวมากๆๆ


09.00 น. – 11.00 น. เป็นเวลาของม้าม

พูดน้อย กินน้อย และไม่นอนหลับ


11.00 น. – 13.00 น. เป็นช่วงเวลาที่หัวใจทำงานหนักที่สุด

ควรทำใจให้สบาย หลีกเลี่ยงสิ่งทึ่จะทำให้เครียด พยายามไม่ใช้ความคิดหนัก ถ้าต้องเครียดกับงานตรงหน้ามากนักก็ผ่อนคลายซะบ้าง


13.00 น. – 15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก

งดกินอาหารทุกประเภทให้ลำไส้เล็กได้พักผ่อน


15.00 น. – 17.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะปัสสาวะ

ออกกำลังกายหรืออบตัวให้เหงื่อออก อย่ากลั้นปัสสาวะ


17.00 น. – 19.00 น. เป็นเวลาของไต

อาบน้ำทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่ควรออกกำลังกายหนัก


19.00 น. – 21.00 น. เป็นเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ

ควรหยุดทำงาน พักผ่อนทำสมาธิและสวดมนต์


21.00 น. – 23.00 น. เป็นเวลาของพลังงานรวม

ทำให้ร่างกายอบอุ่นนอนหลับให้ร่างกายพักผ่อนเต็มที่


23.00 น. – 01.00 น. เป็นเวลาของถุงน้ำดี

นอนหลับให้สนิท (ถ้าไม่หลับช่วงนี้มีโอกาสเกิดโรคมากมายและร่างกายจะทรุดโทรมไว)

2012 ข่าวลือวันสิ้นโลก


ด้วยความสงสัยของผมว่าทำไม 2012 จะมีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน
บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจาเหตุโลกร้อน
บางแหล่งก็อ้างไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมา

แต่มีสิ่งที่นึงที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อมเกี่ยวปรากฎการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้
และถ้าเกิดขึ้นก็จบ... ไม่เหมือนกับ LHC ที่กลัวโอกาสว่าจะเกิดหรือเปล่าเท่านั้น

เรื่องนี้คือเรื่อง ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของ ระบบสุริยะจักรวาล
ถ้าใครได้พอดูความปี 2002 จะได้ทราบว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อๆ
แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้ว
ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน
มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)


และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...
สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้

แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราห์ดวงใหม่ แล้วก็จบ...
ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น?


ิสิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....

ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว
แต่... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้

แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ


ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย


(ลักษณะทางกายภาพที่เป็นไปได้ของดาวนิบิรุครับ)

อันนี้ใช้เทคโนโลยี้ขั้นสูงในการถ่ายซูมครับ ทำให้รู้ได้ว่า ดาวนี้เป็น ดาวฤกษ์ครับ

และทับเข้ามาแค่ไหน


เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครั
แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!

รูปนี้คือเส้นวงโคจรของดาวนิบิรุครับ

มันเข้าใกล้มาจริงเร้อ?


เส้นทางวงโคจร ทำให้เรารู้ได้ว่าทางเราส่องดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็น

แต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้

(เส้นขาวๆ คือลูกศรชี้ตำแหน่งดาวนิบิรุครับ)

และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะ
ครับ
แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...

แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละ
นักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อน

แต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูง
หรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตราย

เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ
เกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน เกิดพายุต่างๆ นา

และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA แม่งปิดข่าว แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่น

ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และ อุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหั 2 เท่า!!!
(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

ปล. งานนี้ก้ถึงเวลาที่ธรรมชาติเลือกเราของแท้แล้วละนะครับ